สมัครเภสัชศาสตร์ มหิดล รอบ Quota TCAS 2569 | เกณฑ์ A-Level + เทคนิค

pharmacy-mahidol-quota-a-level-tcas-2569-guide

สมัครเภสัชศาสตร์ มหิดล รอบ Quota: คู่มือสอบ A-Level TCAS 2569

หากเธอเป็นนักเรียนที่เก่งคณิตศาสตร์-วิทยาศาสตร์ และพร้อมลุยสอบ A-Level เพื่อความฝันในการเป็นเภสัชกร รอบ Quota ของคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล คือทางเลือกที่เปิดโอกาสให้เธอแข่งขันด้วยคะแนนสอบอย่างเป็นธรรม วันนี้เราจะมาแชร์ทุกอย่างเกี่ยวกับการสมัครรอบนี้แบบครบครัน!

ทำไมต้องเลือกรอบ Quota?

รอบ Quota เป็นรอบที่เหมาะสำหรับน้องๆ ที่:

  • เก่งคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ โดยเฉพาะ
  • ชอบสอบแข่งขัน และมั่นใจในความสามารถ
  • ไม่มีผลงานพิเศษ แต่มีพื้นฐานวิชาการแข็งแกร่ง
  • ต้องการความชัดเจน ในเกณฑ์การคัดเลือก

ข้อมูลพื้นฐานรอบ Quota

จำนวนและค่าใช้จ่าย

  • ค่าธรรมเนียมทั้งหลักสูตร: 360,000 บาท
  • การชำระ: แบ่งเป็นภาคการศึกษาละ 30,000 บาท
  • ระบบการรับ: รับทุกแผนการศึกษา

คุณสมบัติผู้สมัคร: ข้อบังคับที่ต้องรู้

คุณสมบัติทั่วไป

ระดับการศึกษา

  • กำลังศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6
  • รับทุกแผนการศึกษา (วิทย์-คณิต, ศิลป์-คำนวณ, ศิลป์-ภาษา)

คุณสมบัติเพิ่มเติมที่ช่วยเพิ่มโอกาส

คะแนนภาษาอังกฤษ (ได้รับการพิจารณาเป็นพิเศษ)

หากมีคะแนนใดคะแนนหนึ่งข้างล่าง จะได้รับการพิจารณาพิเศษ:

  • MU-ELT: 84 ขึ้นไป
  • TOEIC: 600 ขึ้นไป
  • TOEFL IBT: 64 ขึ้นไป
  • IELTS: 5.0 ขึ้นไป
  • TOEFL ITP (มหิดลจัด): 500 ขึ้นไป
  • Duolingo English Test: 90 ขึ้นไป

⚠️ หมายเหตุ: ผลสอบต้องไม่เกิน 2 ปีย้อนหลัง

โครงการพิเศษ

โครงการ MOU

  • ต้องเป็นนักเรียนจากโรงเรียนตามประกาศของสถาบันพระบรมราชชนก

โครงการพื้นที่ (3 กลุ่มใหญ่)

กลุ่มกาญจนบุรี:

  • ราชบุรี
  • กาญจนบุรี
  • สุพรรณบุรี
  • นครปฐม (รวมโรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์)

กลุ่มนครสวรรค์:

  • นครสวรรค์
  • อุทัยธานี
  • ชัยนาท
  • พิจิตร
  • กำแพงเพชร
  • เพชรบูรณ์

กลุ่มอำนาจเจริญ:

  • อำนาจเจริญ
  • ยโสธร
  • มุกดาหาร
  • ร้อยเอ็ด

💡 เคล็ดลับ: โครงการพื้นที่เป็นโอกาสดีสำหรับน้องๆ ที่อยู่ในจังหวัดเป้าหมาย!

คุณสมบัติด้านสุขภาพ (สำคัญมาก!)

ต้องมีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง ปราศจากโรคที่เป็นอุปสรรคต่อการเรียนและประกอบวิชาชีพเภสัชกรรม:

โรคที่ไม่ควรมี:

  • โรคจิตที่อันตรายต่อตนเองหรือผู้อื่น
  • โรคติดต่อในระยะอันตราย
  • ตาบอดสี (ต้องผ่านการตรวจ Ishihara Test และ Farnsworth D-15 hue Test)
  • หูหนวก
  • โรคอื่นๆ ตามที่สภาเภสัชกรรมกำหนด

⚠️ ข้อสำคัญ: การตรวจตาบอดสีต้องได้รับการรับรองจากแพทย์ว่าไม่มีผลต่อการเรียน

เกณฑ์คะแนน A-Level: ใจกลางของการสมัคร

คะแนนขั้นต่ำที่ต้องมี (ทุกวิชา ≥ 30 คะแนน)

7 วิชาหลักที่ต้องสอบ:

  1. คณิตศาสตร์ 1 (รหัส 61) – ≥ 30 คะแนน
  2. ฟิสิกส์ (รหัส 64) – ≥ 30 คะแนน
  3. เคมี (รหัส 65) – ≥ 30 คะแนน
  4. ชีววิทยา (รหัส 66) – ≥ 30 คะแนน
  5. สังคมศึกษา (รหัส 70) – ≥ 30 คะแนน
  6. ภาษาไทย (รหัส 81) – ≥ 30 คะแนน
  7. ภาษาอังกฤษ (รหัส 82) – ≥ 30 คะแนน

TPAT 1: ≥ 1 คะแนน

🗓️ วันสอบสำคัญ:

  • A-Level: 14-16 มีนาคม 2569 (ทป.)
  • TPAT 1: 14 กุมภาพันธ์ 2569 (กสพท.)

เกณฑ์การคัดเลือก: สัดส่วนคะแนน

การแบ่งคะแนน (รวม 100%)

  • A-Level: 80% (คะแนนหลัก)
  • การสัมภาษณ์: 20%
  • การตรวจสุขภาพ: ผ่าน/ไม่ผ่าน

💡 เคล็ดลับ: A-Level ถ่วงน้ำหนัก 80% ดังนั้นต้องเตรียมตัวให้ดีที่สุด!

กลยุทธ์เตรียมสอบ A-Level แต่ละวิชา

คณิตศาสตร์ 1 (รหัส 61)

เนื้อหาสำคัญ:

  • พีชคณิต และฟังก์ชัน
  • เรขาคณิต วิเคราะห์
  • ตรีโกณมิติ
  • ลำดับ และอนุกรม
  • ความน่าจะเป็น และสถิติ

เทคนิคการอ่าน:

  • ฝึกทำโจทย์เก่า 5 ปีย้อนหลัง
  • จับเวลาทำข้อสอบจริง
  • เน้นความแม่นยำมากกว่าความเร็ว
  • หาจุดอ่อนและแก้ไขเป็นพิเศษ

วิทยาศาสตร์ 3 วิชา (ฟิสิกส์ เคมี ชีววิทยา)

เคมี (รหัส 65) – วิชาสำคัญสำหรับเภสัชศาสตร์

  • โครงสร้างอะตอมและตารางธาตุ
  • พันธะเคมี
  • ปฏิกิริยาเคมี
  • เคมีอินทรีย์ (สำคัญมาก!)
  • เคมีวิเคราะห์

ชีววิทยา (รหัส 66)

  • เซลล์และการทำงาน
  • พันธุศาสตร์
  • วิวัฒนาการ
  • นิเวศวิทยา
  • สรีรวิทยาของมนุษย์

ฟิสิกส์ (รหัส 64)

  • กลศาสตร์
  • คลื่นและการสั่นสะเทือน
  • ไฟฟ้าและแม่เหล็ก
  • อะตอมและนิวเคลียร์

ภาษา (ไทย-อังกฤษ) และสังคม

ภาษาไทย (รหัส 81)

  • ทักษะการอ่าน การเข้าใจ
  • วรรณคดี วรรณกรรม
  • ภาษาศาสตร์ไทย
  • การเขียน การสื่อสार

ภาษาอังกฤษ (รหัส 82)

  • Reading Comprehension
  • Grammar และ Vocabulary
  • Writing Skills
  • Listening (ถ้ามี)

สังคมศึกษา (รหัส 70)

  • ประวัติศาสตร์ไทย
  • ภูมิศาสตร์
  • เศรษฐศาสตร์พื้นฐาน
  • การเมืองการปกครอง

แผนการเตรียมตัว: Timeline สู่ความสำเร็จ

6 เดือนก่อนสอบ (กันยายน-ตุลาคม)

สิ่งที่ต้องทำ:

  • วิเคราะห์จุดแข็ง-จุดอ่อนในแต่ละวิชา
  • วางแผนเรียนพิเศษ (ถ้าจำเป็น)
  • รวบรวมหนังสือ ข้อสอบเก่า
  • เริ่มทำโจทย์เป็นประจำ

4 เดือนก่อนสอบ (พฤศจิกายน-ธันวาคม)

การเตรียมตัวเข้มข้น:

  • ทบทวนเนื้อหาทั้งหมดรอบ 1
  • ทำข้อสอบเก่า 3 ปีย้อนหลัง
  • หาติวเตอร์ หรือเรียนกลุ่ม (ถ้าต้องการ)
  • เริ่มจับเวลาทำข้อสอบ

2 เดือนก่อนสอบ (มกราคม-กุมภาพันธ์)

เฟ้นเนื้อหาสำคัญ:

  • ทบทวนเนื้อหาที่ชอบออกสอบ
  • ทำข้อสอบเก่า 5 ปี แบบจับเวลา
  • สรุปสูตร เทคนิคลัด
  • ดูแลสุขภาพ พักผ่อนเพียงพอ

1 เดือนสุดท้าย (มีนาคม)

ช่วงสปรินต์สุดท้าย:

  • ทบทวนเฉพาะจุดที่ยังไม่มั่นใจ
  • ทำข้อสอบเก่าล่าสุด
  • เตรียมอุปกรณ์สอบ
  • ผ่อนคลาย ไม่ต้องเครียด

การสัมภาษณ์: 20% ที่ต้องใส่ใจ

ค่าธรรมเนียม

1,000 บาท ต่อคน

กำหนดการสำคัญ

  • ประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิ์: 23 เมษายน 2569
  • วันสัมภาษณ์: 25 เมษายน 2569

เนื้อหาที่มักถูกถาม

คำถามทั่วไป:

  • ทำไมถึงอยากเป็นเภสัชกร?
  • รู้อะไรบ้างเกี่ยวกับวิชาชีพนี้?
  • จุดเด่น-จุดด้อยของตัวเอง?
  • แผนอนาคตหลังจบ?

คำถามเชิงวิชาการ:

  • ความรู้พื้นฐานเคมี ชีววิทยา
  • การประยุกต์ใช้ความรู้ในชีวิตจริง
  • ข่าวสารเกี่ยวกับยา สาธารณสุข
  • การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า

คำถามเชิงสถานการณ์:

  • หากเป็นเภสัชกร จะแก้ปัญหา __ อย่างไร?
  • ความคิดเห็นเกี่ยวกับยาแพง
  • การให้คำปรึกษาผู้ป่วย

เทคนิคการตอบให้โดดเด่น

หลัก STAR Method:

  • Situation – บรรยายสถานการณ์
  • Task – อธิบายภาระหน้าที่
  • Action – การกระทำที่ทำ
  • Result – ผลลัพธ์ที่ได้

ตัวอย่างการตอบ: คำถาม: ทำไมอยากเป็นเภสัชกร?

คำตอบที่ดี: “ตั้งแต่ยายป่วยเป็นเบาหวาน ผมได้เห็นความสำคัญของเภสัชกรที่โรงพยาบาล ท่านไม่ได้แค่จ่ายยา แต่ยังให้คำแนะนำการกินยา ดูแลอาการข้างเคียง และให้กำลังใจยาย ทำให้ผมรู้ว่าเภสัชกรไม่ใช่แค่ผู้เชี่ยวชาญด้านยา แต่เป็นผู้ดูแลสุขภาพที่สำคัญ”

เอกสารที่ต้องเตรียม: ไม่ให้ผิดพลาด!

1. รูปถ่ายดิจิทัล

ข้อกำหนดเฉพาะ:

  • ขนาด 1.5×2 นิ้ว รูปเดี่ยว
  • ใบหน้าชัดเจน ประมาณ 80% ของพื้นที่
  • ชุดนักเรียน/สุภาพ ไม่สวมหมวก แว่น
  • พื้นหลัง: ขาว/ฟ้า/น้ำเงิน
  • ไฟล์ .jpg ขนาด 180-500×200-600 px
  • ไม่เกิน 240 KB

2. เอกสารประจำตัว (สแกนเป็น PDF ไม่เกิน 2 MB)

  • บัตรประจำตัวประชาชน (หน้าที่มีรูป)
  • สำเนาทะเบียนบ้าน (หน้าแรก + หน้าที่มีชื่อ)
  • ระเบียนแสดงผลการเรียน ปพ.1 ม.4-6 (5 ภาคการศึกษา)

💡 สำคัญ: ทุกสำเนาต้องเขียน “รับรองสำเนาถูกต้อง” + ลงลายมือชื่อ

3. ใบรับรองคะแนน

  • GPAX และ GPA 5 ภาคการศึกษา
  • ดาวน์โหลดแบบฟอร์มจาก https://tcas.mahidol.ac.th/

4. ใบรับรองแพทย์ (สำคัญมาก!)

ข้อกำหนด:

  • ใช้แบบฟอร์มของคณะฯ เท่านั้น
  • ตรวจที่โรงพยาบาลรัฐ/เอกชน
  • มีการตรวจตาบอดสี (Ishihara + Farnsworth D-15)
  • แพทย์รับรองว่าไม่มีผลต่อการเรียน

5. ผลสอบภาษาอังกฤษ (ถ้ามี)

  • ผลสอบต้องไม่เกิน 2 ปี
  • สแกนเป็น PDF

เคล็ดลับเพิ่มโอกาสเข้าได้

การเตรียมสอบ A-Level

เทคนิคการทำข้อสอบ:

  1. อ่านโจทย์ให้เข้าใจ – ไม่ต้องรีบ
  2. ทำง่ายก่อน – เก็บคะแนนแน่ๆ
  3. จัดการเวลา – แบ่งเวลาตามจำนวนข้อ
  4. ตรวจคำตอบ – ถ้าเหลือเวลา
  5. ไม่ฝืนทำ – ข้อที่ยากเกินไป

การดูแลสุขภาพก่อนสอบ:

  • นอนหลับเพียงพอ 7-8 ชั่วโมง
  • กินอาหารครบ 5 หมู่
  • ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
  • หลีกเลี่ยงความเครียด

การเตรียมสัมภาษณ์

การแต่งกาย:

  • ชุดนักเรียน (หากยังเรียนอยู่)
  • หรือชุดสุภาพ เรียบร้อย
  • ผมเรียบร้อย เล็บสั้น สะอาด

การสื่อสาร:

  • พูดชัดเจน เสียงดัง พอสมควร
  • มองตาผู้สัมภาษณ์
  • ยิ้มแย้ม แสดงความมั่นใจ
  • ฟังคำถามให้จบก่อนตอบ

อนาคตหลังจบ: ทำไมต้องเป็นเภสัชกร?

ความหลากหลายของอาชีพ

เภสัชกรโรงพยาบาล

  • เงินเดือนเริ่มต้น: 25,000-35,000 บาท
  • ได้ดูแลผู้ป่วยโดยตรง
  • มีความมั่นคงสูง

เภสัชกรร้านยา

  • สามารถเป็นเจ้าของกิจการ
  • รายได้ 30,000-100,000+ บาท
  • ความยืดหยุ่นในการทำงาน

เภสัชกรอุตสาหกรรม

  • ทำงานในบริษัทยา
  • เงินเดือน 35,000-80,000+ บาท
  • ได้ร่วมพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่

เภสัชกรการตลาด

  • ขายผลิตภัณฑ์สุขภาพ
  • รายได้ 40,000-150,000+ บาท
  • ได้เดินทาง พบปะผู้คน

การศึกษาต่อ

ในประเทศ:

  • เภสัชกรประจำบ้าน (Residency)
  • ปริญญาโท/เอก เภสัชศาสตร์
  • MBA สำหรับผู้ที่ต้องการเป็นผู้บริหาร

ต่างประเทศ:

  • PharmD ในสหรัฐอเมริกา
  • MPharm ในยุโรป
  • การวิจัยระดับนานาชาติ

คำถามที่พบบ่อย

Q: A-Level ต้องได้เท่าไหร่ถึงจะผ่าน?

A: ขั้นต่ำแต่ละวิชา 30 คะแนน แต่เพื่อความปลอดภัย ควรได้ 40+ ในวิชาหลัก

Q: สอบไม่ผ่านวิชาใดวิชาหนึ่ง ทำอย่างไร?

A: ถ้าไม่ถึง 30 ในวิชาใดจะไม่ผ่านเกณฑ์ ต้องสอบใหม่ปีหน้า

Q: โครงการพื้นที่ได้เปรียบอย่างไร?

A: มีโควต้าแยกต่างหาก แข่งขันน้อยกว่าโควต้าทั่วไป

Q: ตาบอดสีแต่เล็กน้อย สมัครได้ไหม?

A: ต้องให้แพทย์ตรวจและรับรองว่า “ไม่มีผลต่อการเรียน” เท่านั้น

Q: TPAT 1 สำคัญไหม?

A: ต้องได้อย่างน้อย 1 คะแนน แค่เป็นเกณฑ์ผ่าน ไม่ได้ถ่วงน้ำหนัก

สรุป: ก้าวสู่ความฝันด้วยคะแนนสอบ

การสมัครเภสัชศาสตร์ มหิดล รอบ Quota เป็นโอกาสทองสำหรับน้องๆ ที่มีพื้นฐานทางวิชาการแข็งแรง แม้จะต้องแข่งขันกับคะแนน A-Level แต่หากเตรียมตัวอย่างเป็นระบบและมีกลยุทธ์ที่ดี โอกาสสำเร็จก็อยู่ไม่ไกล

จำไว้ว่า A-Level คือ 80% ของความสำเร็จ แต่การสัมภาษณ์ 20% ก็สำคัญไม่แพ้กัน การเตรียมตัวอย่างครบครันทั้งสองส่วนจะทำให้เธอมีความได้เปรียบอย่างชัดเจน

เริ่มเตรียมตัวตั้งแต่วันนี้ เพราะทุกวันที่ผ่านไปคือโอกาสในการพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น!


ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม:

  • โทร: 02-354-3748 หรือ 098-949-2954
  • เว็บไซต์: https://pharmacy.mahidol.ac.th/admissions
  • อีเมล: suchanya.sea@mahidol.ac.th
  • Facebook: https://www.facebook.com/mupy.club

บทความนี้จัดทำจากเอกสารเกณฑ์การรับสมัครอย่างเป็นทางการ อัปเดตล่าสุดสำหรับปีการศึกษา 2569

Previous Article

สมัครเภสัชศาสตร์ มหิดล รอบ Portfolio TCAS 2569 | เกณฑ์ + เทคนิค

Next Article

TCAS 2569 พยาบาลศาสตร์ รามาธิบดี มหิดล รอบ 1 Portfolio | คุณสมบัติ เกณฑ์คัดเลือก

Write a Comment

Leave a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *